การจำแนกประเภทการซื้อขายในตลาดฟอเร็กซ์

ในตลาดฟอเร็กซ์ นับจากการจัดประเภทที่ง่ายที่สุดมีวิธีการซื้อขายแบบคลาสสิก 2 แบบ นั่นคือ การซื้อขายตามแนวโน้ม และการซื้อขายสวนแนวโน้ม แบบแรกคือการทำการซื้อขายตามแนวโน้มที่ค้นพบ ขณะที่แบบที่สองคือการเข้าตลาดเมื่อแนวโน้มของตลาดหยุดหรือชะลอตัว และทำการซื้อขายในทิศทางที่ตรงข้ามกับแนวโน้มเดิม ไม่ว่าจะพิจารณาแนวโน้มว่าจะยังคงอยู่หรือกลับแนวโน้ม สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการค้นหาแนวโน้ม ดังนั้นสำหรับคนส่วนใหญ่ การตัดสินใจแนวโน้มในสภาวะการเคลื่อนไหวที่ไม่แน่นอนอาจเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดที่สุด.

กลยุทธ์การซื้อขายแบบมาร์ติงเกล

กลยุทธ์การซื้อขายมาร์ติงเกลเป็นคำแนะนำที่เก่าแก่ อย่างไรก็ตาม มันอาจจะกลับมาสู่สายตาของนักลงทุนอีกครั้งกลยุทธ์นี้ง่ายมาก ในการเดิมพันที่มีความเสี่ยงสูงหรือต่ำ จะต้องเดิมพันในทิศทางเดียวอย่างต่อเนื่อง (เช่น เดิมพันสูงหรือต่ำ) ทุกครั้งที่สูญเสีย จำนวนเงินที่สูญเสียจะถูกคูณเป็นสองเท่า จนกว่าจะชนะเดิมพัน จากนั้นจึงสามารถชดเชยจำนวนเงินที่สูญเสียไปทั้งหมด โดยทฤษฏีแล้วมันจะไม่ทำให้คุณสูญเสียเงินเลย.

ความแตกต่างกับการเล่นคาสิโน

ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างตลาดฟอเร็กซ์และคาสิโนก็คือ การที่ราคา “ขึ้นและลง” ของฟอเร็กซ์นั้นไม่ใช่เรื่องของความน่าจะเป็นในการวางเดิมพันสูงหรือต่ำ การใช้กลยุทธ์มาร์ติงเกลนั้น ทว่าอาจมีความเสี่ยงอย่างมาก เมื่อเข้าสู่ตลาดในขณะที่แนวโน้มกำลังเคลื่อนไปในทิศทางตรงข้ามตามที่กลยุทธ์นั้นต้องการ ตามทฤษฎีของมาร์ติงเกล อาจทำให้คุณสูญเสียเงินทั้งหมดได้ ดังนั้นกลยุทธ์นี้ไม่เหมาะกับตลาดที่เคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง แต่จะเหมาะกับตลาดที่เกิดการเคลื่อนไหวแบบสวิงมากกว่า.

การเลือกตำแหน่งและขนาดการลงทุนที่เหมาะสม

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการใช้กลยุทธ์นี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกขนาดลงทุนเริ่มต้นและจำนวนการเพิ่มตำแหน่งที่เหมาะสมตามงบประมาณ หากตำแหน่งเริ่มต้นสูงเกินไป อาจทำให้จำนวนเงินที่เกิดการขยายตำแหน่งนั้นสูงจนเกินไปและอาจไม่สามารถรักษาได้ถึงเวลาที่ราคาเริ่มกลับไป ในทำนองเดียวกันการเลือกระยะสำหรับการขยายตำแหน่งก็ต้องพิจารณา เช่น ลดราคา 15 จุด หรือ 20 จุด การเลือกระหว่างนักลงทุนมีความชอบและนิสัยที่แตกต่างกัน ทำให้ยากที่จะบอกว่าอันไหนดีกว่ากัน.

วิธีการทำงานของกลยุทธ์นี้

มาพิจารณาเงื่อนไขการดำเนินงานของกลยุทธ์นี้กัน ตัวอย่างที่กล่าวถึงคือ อัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินในทิศทางที่ลดลง โดยเริ่มที่ 1.3500 เมื่อนักลงทุนเข้าซื้อ 1 ล็อต โดยใช้ระยะห่างในการขยายตำแหน่งที่ 20 จุด หลังจากนั้นเมื่ออัตราแลกเปลี่ยนลดลง 20 จุดเป็น 1.3480 นักลงทุนจึงทำการเพิ่มตำแหน่งอีก 1 ล็อต ทำให้ต้นทุนเฉลี่ยในการซื้อของเขาลดลงไปยัง 1.3490 กล่าวได้ว่า แม้ว่าสกุลเงินจะลดค่าลง 20 จุด แต่ถ้าสามารถขึ้นไปอีก 10 จุด การลงทุนก็จะไม่ขาดทุน.

คำถามของนักลงทุน

อาจมีนักลงทุนสงสัยว่าอัตราแลกเปลี่ยนสามารถกลับไปถึงระดับนี้ได้หรือไม่ แต่ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น กลยุทธ์นี้เหมาะที่สุดในการใช้งานในตลาดที่มีการเคลื่อนไหวแบบสวิง ในสภาวะนี้ สกุลเงินที่ลดลง 80 จุดและกลับขึ้น 19 จุดก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องแปลก.

กลยุทธ์การซื้อขายแบบย้อนมาร์ติงเกล

ตามชื่อที่บอกว่า กลยุทธ์การซื้อขายย้อนมาร์ติงเกลคือการดำเนินการในทางกลับกันของกลยุทธ์มาร์ติงเกล โดยทุกครั้งที่มีกำไรจะทำการเพิ่มตำแหน่ง ซึงแตกต่างจากการเล่นคาสิโนที่ราคาฟอเร็กซ์ไม่ได้เป็นแค่ปัญหาของความน่าจะเป็น แต่ยังมีแนวโน้ม นักวิเคราะห์จึงใช้กลยุทธ์นี้ในทิศทางที่ตรงกันข้ามอย่างสุดขีด - มันเหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ที่มีแนวโน้มขาขึ้น.

การตั้งค่าระยะและการจัดการความเสี่ยง

หากมีการตั้งค่าระยะที่แน่นอน ความสูญเสียประเภทนี้อาจหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อาจสร้างความยืดหยุ่นในการโยนตำแหน่งเมื่อราคากลับมาที่ 1.3561 การดำเนินการนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงความสูญเสียที่ไม่จำเป็น. หากมีการคาดการณ์ที่แม่นยำ แน่นอนว่าการลดขนาดตำแหน่งในช่วงการซื้อขายก่อนหน้านี้ก็จะทำให้สามารถทำกำไรที่มากขึ้นได้ แม้ว่าจะไม่มีความสามารถในการคาดการณ์ ก็เพียงแค่ปฏิบัติตามกลยุทธ์ดังกล่าว ก็จะพบว่าสูญเสียไม่มาก.

กลยุทธ์การซื้อขายอื่นๆ

นอกจากนี้ ยังมีกลยุทธ์บางอย่างที่ถูกพัฒนาขึ้นจากการใช้กลยุทธ์มาร์ติงเกลในระยะยาว เช่น การเลือกจุดเปิดตำแหน่งให้ห่างจากจุดต่ำสุดในช่วงที่มีความผันผวนขึ้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง อีกทั้งยังสามารถเลือกใช้ร่วมกับเทคนิคทางเทคนิคอื่นๆ เช่น ในระยะเคลื่อนที่ค่าเฉลี่ย 30, 60, 200 หรือเส้นบนของ Bollinger Bands ร่วมกับตำแหน่งมาร์ติงเกลที่แตกต่างกัน.