กลยุทธ์การซื้อขายที่สำคัญ

เมื่อเรามีระบบการซื้อขายเป็นของตัวเอง การซื้อขายของเราจะไม่สับสน อย่างน้อยเราจะรู้วิธีจัดการกับปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในทุกช่วงเวลา เมื่อเรามีระบบการซื้อขายเป็นของเรา เราจึงสามารถเติบโตอย่างรวดเร็วในเส้นทางการซื้อขายได้ กลยุทธ์การซื้อขายทั้งสี่ที่เราจะนำเสนอต่อไปนี้เป็นส่วนที่สำคัญที่สุดในระบบการซื้อขาย และมีบทบาทที่สำคัญในกระบวนการซื้อขาย

ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การซื้อขายทั้งสี่

ปัญหาที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การซื้อขายทั้งสี่ ได้แก่: วิธีเปิดตำแหน่ง (การขายชอร์ต, การซื้อ, และจำนวนที่เปิด), วิธีควบคุมความเสี่ยง (การปกป้องทุนหรือการหยุดการขาดทุน), วิธีการเพิ่มขนาดตำแหน่ง (การขยายผลกำไร) และวิธีการออกจากตลาด (การทำกำไร) นอกจากนี้เราจะเพิ่มวิธีการจัดการผลกำไร

ความเข้าใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขาย

นักลงทุนหลายคนอาจมีความเข้าใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายเหล่านี้ แต่กลับไม่มีความพยายามในการใช้มัน อาจจะมีนักลงทุนบางคนที่รู้แค่ชุดเดียวแต่ทำอีกชุดหนึ่ง พวกเขารู้ว่าควรทำอย่างไร แต่กลับทำไม่ได้ หรือไม่ทำเลย อย่างไรก็ตามยังมีนักลงทุนบางคนที่ยังไม่เข้าใจหรือไม่เข้าใจกลยุทธ์และวิธีการเหล่านี้อย่างสมบูรณ์ พวกเขาอาจจะรู้เพียงบางส่วนของมัน

การเตรียมตัวสำหรับการซื้อขายที่สมบูรณ์

กลยุทธ์การซื้อขายทั้งสี่เหล่านี้คือสิ่งที่จำเป็นสำหรับการซื้อขายอย่างน้อยหนึ่งครั้งในแต่ละการทำธุรกรรม หรือกล่าวได้ว่าในแผนการซื้อขายของคุณจะต้องเตรียมกลยุทธ์การซื้อขายทั้งสี่นี้ไว้ ในบทความก่อนหน้าเราได้พูดคุยกันในเรื่องนี้ว่าการทำธุรกรรมที่ครบถ้วนประกอบไปด้วยหลายขั้นตอน หากขาดอย่างใดอย่างหนึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่

ความสำคัญของการทำความเข้าใจกับกลยุทธ์ทั้งสี่

เราหวังว่าคุณจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายทั้งสี่นี้และพัฒนาระบบการซื้อขายที่เหมาะสมกับตัวคุณ แล้วนำไปใช้ในแต่ละการทำธุรกรรมของคุณ ซึ่งจะทำให้คุณสามารถทำธุรกรรมที่ครบถ้วนได้ ไม่ว่าจะเป็นผลลัพธ์เป็นอย่างไร อย่างน้อยที่สุดคุณก็ได้ทำมัน

กลยุทธ์การซื้อขายที่สำคัญ

เราจะมาพูดคุยกันอย่างละเอียดเกี่ยวกับกลยุทธ์การซื้อขายทั้งสี่นี้

1. การซื้อขายตามแนวโน้ม

การซื้อขายตามแนวโน้ม หมายถึง การทำธุรกรรมตามแนวโน้มปัจจุบัน ถ้าแนวโน้มปัจจุบันขึ้นเราก็จะเปิดตำแหน่งซื้อ ถ้าแนวโน้มลงเราก็จะเปิดตำแหน่งขาย แม้ว่าการซื้อขายตามแนวโน้มจะเข้าใจได้ไม่ยาก แต่ในทางปฏิบัติกลับไม่ง่ายนัก เพราะมีปัจจัยที่ไม่แน่นอนหลายอย่างที่เกี่ยวข้อง เช่น การวิเคราะห์และการตัดสินใจเกี่ยวกับแนวโน้ม เนื่องจากนักลงทุนแต่ละคนมีมุมมองที่แตกต่างกันต่อแนวโน้มเดียวกัน

ข้อดีและข้อเสียของการซื้อขายตามแนวโน้ม

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียที่ใหญ่ที่สุดของการซื้อขายตามแนวโน้มคือการที่นักลงทุนอาจเข้าไปติดกับดักการซื้อที่สูงและขายที่ต่ำได้ เนื่องจากบางครั้งนักลงทุนอาจมองเห็นแนวโน้มช้าเกินไป และเมื่อพวกเขาเห็นการพัฒนาของแนวโน้มนั้น บางครั้งอาจอยู่ในช่วงปลายของแนวโน้มอยู่แล้ว ทำให้เกิดปัญหาการซื้อที่ร้อนแรงและขายที่หนาวเย็น

การวิเคราะห์แนวโน้ม

ไม่ว่าจะเป็นแนวโน้มหลักหรือแนวโน้มย่อย นักลงทุนต้องเข้าใจแนวโน้มทั้งสองอย่างให้อยู่ในแนวทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้เกิดข้อผิดพลาด การวิเคราะห์แนวโน้มมีหลายวิธี มีทั้งระบบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่, ทฤษฎีดาวน์ส์ เป็นต้น แต่เราควรใช้วิธีการที่เราเลือกสรรมาแล้วเพียงวิธีเดียว เพื่อให้การตัดสินใจแนวโน้มเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ

การกำหนดระดับของแนวโน้ม

เริ่มต้นเราจะแบ่งการวิเคราะห์แนวโน้มออกเป็นแนวโน้มขึ้น, แนวโน้มลง และแนวโน้มที่ไม่ขยับ โดยทั่วไปเราจะแบ่งระดับของแนวโน้มออกเป็นระดับเล็ก, ระยะสั้น, ระยะกลาง และเกี่ยวกับระยะยาว ซึ่งแต่ละระดับมีความแตกต่างกันตามระยะเวลาและโครงสร้างการเปลี่ยนแปลงราคา

สรุป

การซื้อขายตามแนวโน้มที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณมีโอกาสประสบความสำเร็จสูงกว่าการซื้อขายแบบสุ่มสี่สุ่มห้า สุดท้ายนี้ รักษาผลกำไรและลดความเสี่ยงคือปัจจัยสำคัญในการบรรลุผลลัพธ์ที่ดีที่สุดที่จะมอบให้กับการลงทุนของคุณ