1. เริ่มต้นการซื้อขาย

เมื่อเริ่มต้นการซื้อขาย ความกังวลคือการที่ราคาจะลดลง หลังจากที่เราได้ซื้อมานั้น แนวทางแก้ไขคือการตั้งค่าหยุดขาดทุน ถ้าการขาดทุนถึง 5% ของเงินทุนทั้งหมดก็ให้ถอนออกอย่างเด็ดขาด

2. การตั้งค่าหยุดขาดทุน

เมื่อเรามีการตั้งค่าหยุดขาดทุนแล้ว จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการลดลง แต่พวกเรายังต้องกังวลว่าเราไม่สามารถทำกำไรได้ ในกรณีที่หยุดขาดทุนต่อเนื่องถ้าหยุดขาดทุนถึงเจ็ดหรือแปดครั้ง เงินทุนเริ่มต้นก็อาจลดลงไปมาก การหยุดขาดทุนโดยที่ไม่เห็นการทำกำไรเป็นความกังวลในช่วงนี้ แนวทางคือ เพิ่มอัตราความสำเร็จในการดำเนินการ โดยค้นหาจุดกลับตัวหลักของความผันผวน

3. เพิ่มอัตราความสำเร็จ

เมื่ออัตราความสำเร็จเพิ่มขึ้น จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการหยุดขาดทุนต่อเนื่อง แต่จะเริ่มกังวลว่าทำกำไรได้น้อย โดยเฉพาะเมื่อพลาดโอกาสที่ดี ในความเป็นจริง ต้นทุนการทำรายการรวมถึงค่าธรรมเนียมและการหยุดขาดทุนมักจะสูงกว่าการคำนวณในทฤษฎี ดังนั้นแม้ว่าจะทำกำไรได้ ก็อาจไม่เพียงพอที่จะชดเชยการขาดทุน รายได้ที่น้อยก็ไม่แน่ใจว่าจะทำกำไรได้ในระยะยาว แนวทางคือ พยายามให้กำไรแผ่ขยายออกไปเมื่อทำกำไรได้

4. เรียนรู้การรอคอย

เมื่อเรียนรู้ที่จะรอคอยผลลัพธ์ที่ดี บางครั้งการรอคอยนั้นอาจทำให้ผลกำไรกลับกลายเป็นการขาดทุน การเทรดที่ขาดทุนเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีผลกระทบต่ออารมณ์ แต่ยังเสียเวลาและพลังงานซึ่งส่งผลต่อการทำการค้าโดยรวมได้อย่างเห็นได้ชัด แนวทางคือ ใช้คำขวัญ "ไม่ให้กำไรกลับกลายเป็นขาดทุน" โดยเมื่อกำไรเริ่มลดลงให้ปิดการทำรายการ

5. การทำการค้าผ่านการตั้งค่าหยุดขาดทุน

ดีขึ้นแล้ว การขาดทุนจากการเทรดน้อยลง แต่หากการจับภาพตลาดที่ใหญ่ที่เราพลาดไปก็มากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบแล้ว อาจดูเหมือนว่าการใช้การหยุดขาดทุนจะช่วยให้เราได้โอกาสการเคลื่อนไหวที่ใหญ่ขึ้น แนวทางคือ ละทิ้งคำขวัญ "ไม่ให้กำไรกลับกลายเป็นขาดทุน" เปลี่ยนเป็นใช้การหยุดขาดทุนเพื่อแชร์การเคลื่อนไหวที่ใหญ่ขึ้น

6. การทดสอบระบบ

เมื่อปัญหาเฉพาะสำคัญถูกแก้ไขแล้ว ความกังวลต่อไปคือ วิธีการที่เราใช้จะมีประสิทธิภาพเพียงใดและนานเท่าไหร่ แนวทางคือ การนำระบบไปทดลองในการจำลองการดำเนินการในกราฟประวัติศาสตร์ที่มีมานานสิบปี และทำการซื้อขายมากกว่า 50 ครั้ง เพื่อให้ระบบสามารถดำเนินการอย่างมั่นคง

7. ดำเนินการกับความมั่นใจ

เมื่อระบบสามารถดำเนินการได้อย่างมั่นคง โดยรวมผลการซื้อขายเป็นบวก ในเวลานี้จะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับผลการเทรดครั้งเดียว แต่จะมีความมั่นใจในผลรวม แต่ก็ยังมีปัญหาใหม่ว่า ตลาดจะเกิดการเปลี่ยนแปลง (เช่น การเปลี่ยนแปลงของวัฏจักร) ที่อาจส่งผลให้ระบบหยุดข้อบังคับ ดังนั้นแนวทางคือ ไม่มีกลยุทธ์ในการจัดการ แต่ต้องมีทัศนคติต่อความเป็นจริงของตลาดและตรวจสอบการทำงานของระบบอยู่เสมอ