จุดหยุดขาดทุนคือค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายในขั้นตอนการเทรด

จุดหยุดขาดทุนเป็นสิ่งจำเป็นในตลาดการซื้อขาย โดยเฉพาะในตลาด Forex; เป็นศิลปะที่ควรค่าแก่การเรียนรู้:

การวิเคราะห์สาเหตุที่ทำให้ไม่ตั้งจุดหยุดขาดทุนทันเวลา

1. จิตใจที่หวังผล: ส่วนใหญ่ที่ทำให้ไม่ตั้งจุดหยุดขาดทุนทันเวลา มาจากจิตใจที่หวังผล คาดหวังให้ตลาดกลับมาเป็นไปในทางที่ตนเองต้องการ เปลี่ยนการตัดสินใจไปเป็นของตลาด ส่งผลให้:
① ตลาดกลับตัวคืน ทิ้งความสับสนวุ่นวาย ถือเป็นการสร้างนิสัยไม่ตั้งจุดหยุดขาดทุนอย่างมีสติ
② การขาดทุนเพิ่มขึ้น ยังต้องอดทนต่อสถานการณ์ สุดท้ายสถานการณ์เลวร้าย ขาดทุนมาก ทำให้เกิดจิตใจพังทลาย ประสบปัญหาความล้มเหลว จนต้องปิดการซื้อขาย หรือบางคนถึงกับขาดทุนเพื่อเพิ่มการลงทุน ทำให้ขาดทุนหนักกว่าเดิม

2. จิตใจที่มองตัวเองสูง

การไม่ตั้งจุดหยุดขาดทุนก็อาจเกิดจากจิตใจที่มองตัวเองสูง ซึ่งมีสองกรณีหลัก
1) ติดในตลาดที่มีความผันผวน กลับมาที่การมีจิตใจที่มืดมน หากไม่มีการตั้งจุดหยุดขาดทุน เมื่อตลาดกลับตัวจะมองตัวเองว่าเป็นคู่ต่อสู้และสูญเสียสติไม่ยอมหยุด
2) ผู้เทรดวิเคราะห์อย่างละเอียด เชื่อมั่นในจุดเข้าซื้อจนทำให้ใจร้อน และเมื่อสังเกตเห็นว่าตลาดไม่เข้าข้าง ก็ไม่ยอมตั้งจุดหยุดขาดทุน

อันตรายจากการไม่ตั้งจุดหยุดขาดทุนทันที

① ส่งผลต่อบัญชี โดยตรง: อัตราขาดทุน 10% → อัตรากำไรที่ต้องการเก็บ 11.10%
อัตราขาดทุน 25% → อัตรากำไรที่ต้องการเก็บ 33.30%
อัตราขาดทุน 50% → อัตรากำไรที่ต้องการเก็บ 100%
② ส่งผลต่อจิตใจของผู้เทรด ขณะที่ต้องอดทนกับความไม่แน่นอนของตลาด
③ “ตายอยู่บนต้นไม้ที่เดียว” ทำให้พลาดโอกาสในการลงทุนอื่นๆ
④ ขาดทุนใหญ่ ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจ

แนวคิดในการตั้งจุดหยุดขาดทุน

การตั้งจุดหยุดขาดทุนเป็นศิลปะ ที่เป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้เทรดต้องจ่าย
1. การตั้งจุดหยุดขาดทุนตามจุดที่แน่นอน: อัตราผลตอบแทนที่ดีต้องมีอัตราการขาดทุนที่อยู่ในระดับ 3:1 เพื่อให้ได้ผลกำไร
เราจึงสามารถคำนวณจุดหยุดขาดทุนได้ตามค่ากำไรเฉลี่ยของแต่ละคน
ค่ากำไรเฉลี่ย = กำไรรวม/จำนวนการซื้อขาย
จุดหยุดขาดทุนที่แน่นอน: ค่ากำไรเฉลี่ย/3
ตัวอย่าง: หากผู้เทรดทำกำไรได้ 30 ครั้ง ในช่วง 6 เดือน รวม 3000 จุด ค่ากำไรเฉลี่ย = 3000/30 = 100 จุด
จุดหยุดขาดทุนแน่นอน = 100/3 = 34 ดังนั้นจุดหยุดขาดทุนที่แน่นอนของผู้เทรดนี้อยู่ที่ 34 จุด

2. การตั้งจุดหยุดขาดทุนตามจำนวนเงิน

ขึ้นอยู่กับสถานะเงินทุนและความเสี่ยง แนะนำไม่ให้ขาดทุนเกิน 2%-3% ของเงินในบัญชีในการซื้อขายแต่ละครั้ง และขาดทุนสะสมรายวันนี้ไม่เกิน 5%
ตัวอย่าง: หากบัญชีกองทุนมีมูลค่า 10000 ดอลลาร์ ขาดทุนไม่ควรเกิน 2-3% ของจำนวนเงินในบัญชี
ดังนั้นขาดทุนสูงสุดในการซื้อขายคือ 200-300 ดอลลาร์ สำหรับการคำนวณตั้งจุดหยุดขาดทุนของมาตรฐานการเทรด 20-30 จุด, 0.5 ล็อตตั้งจุดหยุดที่ 40-60 จุด, 0.3 ล็อตตั้งจุดหยุดที่ 65-100 จุด

3. การตั้งจุดหยุดขาดทุนทางเทคนิค

① การใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนไหว, เส้นแนวโน้ม
② การตั้งจุดหยุดขาดทุนในช่วงที่ตลาดผันผวน

บทสรุป

การตั้งจุดหยุดขาดทุนเป็นการกระทำที่ถูกต้อง แม้ว่าจะเกิดความสับสน แต่ก็ควรยึดมั่นและต้องมีการวางแผนที่ดี
การไม่ตั้งจุดหยุดขาดทุนทันเวลาแสดงถึงความไม่มั่นใจ เมื่อลงทุนทำให้การขาดทุนเกิดขึ้น สถานการณ์ที่ไม่แน่นอนจะทำให้คุณเริ่มตั้งคำถามกับการตัดสินใจ
วิธีการแก้ไขที่สำคัญคือการตั้งจุดหยุดขาดทุนทุกครั้ง สร้างระบบการเทรดที่เข้ากับอัตราผลตอบแทนที่ต้องการ ทุกอย่างคือการทดลองและข้อผิดพลาด ไม่ใช่การคาดการณ์ตลาดให้ถูกต้อง เพราะ 90% ของคนที่ขาดทุน เนื่องจากเชื่อว่าตนเองเป็นผู้เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์ จนมองเพียงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ แต่ไม่มองภาพรวมทั้งหมด