ความลุ่มหลงในความสำเร็จจากการเทรด

สำหรับนักเทรดฟอเร็กซ์นั้น เสน่ห์อย่างหนึ่งของการเทรดฟอเร็กซ์คือมันสามารถทำให้คุณหลุดพ้นจากความน่าเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวัน นักเทรดฟอเร็กซ์หลายคนเคยจินตนาการที่จะละทิ้งงานที่น่าเบื่อหน่ายด้วยการคลิกเมาส์เพียงไม่กี่ครั้งและสามารถทำเงินได้อย่างอิสระ แต่การเทรดฟอเร็กซ์นั้นง่ายดายตามที่คุณคิดหรือ? แน่นอนว่าไม่! สถานการณ์จริงคือการอยู่รอดในตลาดฟอเร็กซ์นั้นยากเย็นแสนเข็ญมาก ยิ่งกว่าการทำเงินอย่างง่ายดาย ตลาดฟอเร็กซ์มีกฎเกณฑ์การเล่นเกมที่เป็นเอกลักษณ์ ในฐานะนักเทรด คุณควรจะตระหนักถึงความสำคัญของการจัดการความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง — ไม่เพียงแต่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของเงินในบัญชีเท่านั้น แต่ยังต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของตนเองอีกด้วย หากเกิดข้อผิดพลาด คุณต้องสิ้นสุดและกลับสู่เส้นทางที่ถูกต้อง โดยทั่วไปแล้วนักเทรดฟอเร็กซ์จะยากที่จะทำกำไรอย่างต่อเนื่อง นักเทรดเหล่านี้มักจะทำข้อผิดพลาดที่พบบ่อยบางประการ และอาจเพียงซ้ำ ๆ ข้อผิดพลาดเหล่านั้น ส่งผลให้การบริหารจัดการเงินมีความสำคัญเป็นอย่างมาก บทความนี้จะเน้นนำเสนอข้อผิดพลาดในด้านการบริหารจัดการเงิน 4 ประการที่สำคัญ

ข้อผิดพลาดที่หนึ่ง: การตั้งเป้าหมายในการทำกำไร

ปัญหาเกี่ยวกับความคิดที่พบบ่อย ได้แก่: "ฉันสามารถทำกำไรได้ 10% ในแต่ละเดือนหรือไม่?" "ฉันจะมีโอกาสในการเทรดกี่ครั้งต่อสัปดาห์?" "จะใช้เวลานานแค่ไหนในการทำให้บัญชี 1000 ดอลลาร์ของฉันเพิ่มเป็นสองเท่า?" ปัญหาความคิดเหล่านี้เน้นให้เห็นถึงความอยากทำเงินอย่างรวดเร็ว การตั้งคำถามเหล่านี้ไม่มีคำตอบที่แน่ชัด และเรื่องเกี่ยวกับ "เป้าหมายการทำกำไร" ยังสะท้อนถึงความใจร้อนในความคิดของคุณ ตลาดคือกระบวนการที่มีพลศาสตร์ ในเดือนหนึ่งอาจมีความผันผวนของตลาดที่ค่อนข้างสูง โอกาสในการทำกำไรอาจเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่ในเดือนถัดไป ตลาดอาจเข้าสู่ช่วงการปรับตัวและความผันผวนจะลดน้อยลง ในกรณีนั้น โอกาสในการทำกำไรก็ไม่มี หากตลาดมุ่งเส้นทางไปทางเรียบ คุณจะทำตามเป้าหมายทำกำไรของคุณได้อย่างไร? ถ้าหากในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนนั้น คุณยังไม่ได้ทำตาม "เป้าหมายการทำกำไร" ของคุณ คุณจะทำอย่างไร? หากคุณทำการเทรดเพื่อทำตามเป้าหมาย มันจะทำให้คุณเผชิญกับความกดดันที่เพิ่มมากขึ้น "เป้าหมายการทำกำไร" จะทำให้คุณรู้สึกกดดัน ซึ่งจะทำให้การเทรดของคุณกลายเป็นการเทรดที่ก้าวร้าว เป็นเหตุให้คุณทำการเปิดออเดอร์ในช่วงที่ไม่เหมาะสม วิธีที่ดีที่สุดเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้คือไม่ต้องตั้งเป้าหมายการทำกำไรเลย ควรมุ่งเน้นพลังและเวลาไปที่การพัฒนาตนเองให้เป็นนักเทรดที่มีฝีมือ "กราฟอาจารย์" และผู้บริหารจัดการความเสี่ยง ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับสิ่งที่ตลาดมอบให้เท่านั้น เมื่อมีสัญญาณที่ส่งเสริมให้เกิดการทำกำไร คุณจึงสามารถทำการเทรดได้ ดังนั้น คุณต้องควบคุมความต้องการในการเทรดของคุณ ไม่มีสัญญาณ ไม่มีการเทรด!

ข้อผิดพลาดที่สอง: การใช้ค่าจุดในการวัดผลการเทรด

หากคุณเคยเข้าเยี่ยมชมฟอรัมสาธารณะ คุณจะพบว่านักเทรดจำนวนมากชอบวัดผลการเทรดโดยใช้ค่าจุด เช่น "คู่เงินบางคู่ขึ้น (หรือลง) กี่จุด" สำหรับนักเทรดแล้ว เป็นที่รู้กันว่าการใช้ค่าจุดนี้เป็น "ศัพท์เฉพาะ" เราคุ้นชินอยู่แล้วในการประเมินความสำเร็จหรือความล้มเหลวของการเทรดด้วยค่าจุด แต่ที่จริงแล้วนี่ไม่ใช่วิธีที่ดี ค่าจุดนั้นใช้วัดการเปลี่ยนแปลงของราคาในกราฟ การจับทิศทางของราคาเป็นสิ่งสำคัญ แต่การปรับการตั้งค่าออเดอร์ในขณะที่จับทิศทางก็สำคัญไม่แพ้กัน การเข้าใจค่าจุดก็แตกต่างกันไปในแต่ละนักเทรด ค่าจุดนั้นเป็นเครื่องมือวัดสัมพัทธ์เท่านั้น หากคุณได้เงิน 150 จุด แต่ตั้งค่าหยุดขาดทุน 500 จุด เช่นนั้นวิธีการตั้งค่าออเดอร์ของคุณก็ผิด และไม่ควรที่จะโอ้อวด มันแสดงให้เห็นว่าหากตั้งค่าความเสี่ยงและผลตอบแทนให้ไม่เป็นเหตุเป็นผล คุณจะเสี่ยงมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลกำไรที่น้อยลง นั่นคือวิธีที่ผิด นอกจากนี้ แม้ยุคหนึ่งจะมีค่าจุด 100 จุด สำหรับสินค้าการเทรดประเภทต่าง ๆ มันจะแสดงออกมาแตกต่างกัน เช่น ในกราฟคู่เงินยูโร/ดอลลาร์อาจมีการผันผวน 100 จุด ในขณะที่กราฟยูโร/ออสเตรเลียอาจผันผวน 250 จุด หากในหนึ่งวัน ยูโร/ดอลลาร์ผันผวน 100 จุด ยูโร/ออสเตรเลียอาจผันผวน 250 จุด หลังการพูดคุยสำคัญจากเจ้าหน้าที่ด้านการเงิน อาจส่งให้ทองคำผันผวนมากถึง 2000 จุด ในขณะที่ยูโร/ดอลลาร์อาจซัดซนเพียง 200–300 จุด หากคุณเปรียบเทียบกราฟสินค้าประเภทต่าง ๆ คุณจะเห็นว่าการเคลื่อนไหวรูปแบบอาจคล้ายกัน แต่ค่าจุดอาจแตกต่างกันอย่างมาก ค่าจุด 100 จุดจากกราฟยูโร/ดอลลาร์และทองคำไม่เหมือนกัน ค่าจุดเป็นเครื่องมือวัดสัมพัทธ์ในการประเมินมูลค่าที่แท้จริงรวมถึงอาจถูกกำหนดโดยปัจจัยหลายประการ: ขนาดออเดอร์ ราคาตลาด สกุลเงินของบัญชี หากคุณมีบัญชีที่ใช้งานเงินดอลลาร์ ใบเสนอราคาสกุลเงินที่คำนวณตามมาตรฐาน เมื่อมีการเคลื่อนไหว 1 จุด จะส่งผลให้ได้ 10 ดอลลาร์ หากคุณทำการเทรด 5 สแตนดาร์ด จุดจะกลายเป็น 50 ดอลลาร์ หากคุณได้ 100 จุด หมายความว่าคุณทำเงินได้ 5000 ดอลลาร์ ดังนั้น การระบุจำนวนค่าจุดไม่ได้บ่งชี้ว่าออเดอร์การเทรดนั้นประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด สิ่งที่จะบ่งบอกถึงระดับการฟื้นตัวที่แท้จริงคืออัตราผลตอบแทนจากการลงทุน

ข้อผิดพลาดที่สาม: หมกมุ่นอยู่กับการทำเงินมาก

เคยเกิดอะไรขึ้นบ้างที่คุณสร้างความเสี่ยงในการเทรดจากความไม่พอใจในสถานะการทำกำไรของบัญชี จนทำให้บัญชีขาดทุน? นักเทรดที่เอาจริงเอาจังควรรู้ว่าการเทรดควรถือเป็นอาชีพ จริงอยู่ในการเริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ มีโอกาสสูงที่จะล้มเหลว การเทรดฟอเร็กซ์ก็เช่นกัน เพราะในช่วงเริ่มต้นหากคุณมีเงินไม่พอ ย่อมต้องใช้เลเวอเรจในการเทรด นั่นหมายถึงว่าการใช้เงินทุนเพียงเล็กน้อยให้ได้อำนาจในการเทรดมากมาย แม้คุณจะมีเงินเพียง 100 ดอลลาร์ก็ไม่มีปัญหา อย่างไรก็ดีถ้าคุณมีเงินเพียง 100 ดอลลาร์และหวังที่จะทำกำไร 500 ดอลลาร์ในแต่ละสัปดาห์ คุณก็เริ่มที่จะหมกมุ่นกับการทำเงินอย่างมาก การหมกมุ่นอยู่กับการทำเงินจะส่งผลเสียต่อจิตใจในการเทรดอย่างรุนแรง นักเทรดเหล่านี้จะคิดแต่เพียงเรื่องการคิดทำกำไรอย่างด่วน และต้องการมั่งคั่งภายในคืนเดียว ทำให้พวกเขาสูญเสียการคิด การตัดสินใจที่เฉลียวฉลาดและเผชิญกับความเสี่ยงที่จะนำไปสู่การล้มละลาย สุดท้ายจะนำมาซึ่งความเครียดและความโกรธให้กับตัวเอง ในการเทรดฟอเร็กซ์ อย่าเพ้อฝันถึงความฟื้นฟูในช่วงที่ยากลำบาก หรือ เลทเกิดมหาเศรษฐีภายในคืนเดียว เพราะทัศนคติเหล่านี้คือเหตุผลว่าวทำให้หลายคนสูญพันธุ์ในตลาด การลงทุนครั้งแรกจำเป็นต้องมีทุนที่ไม่ส่งผลกระทบต่อลักษณะการใช้ชีวิตจนเกินไป เพื่อที่คุณจะสามารถเพ่งความสนใจไปที่การบริหารจัดการความเสี่ยง เมื่อบัญชีของคุณเติบโตถึงระดับหนึ่งแล้ว คุณควรจะถอนเงินออกมาเมื่อถึงจุดหนึ่ง หากคุณถอนเงินออกมาเป็นระยะงวด และบัญชีของคุณยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง คุณอาจพิจารณาเปลี่ยนมาเป็นนักเทรดเต็มเวลา การทำเงินจำเป็นต้องใช้ทั้งเงินทุนและจิตใจที่สมดุล

ข้อผิดพลาดที่สี่: การแทรกแซงการตั้งค่าออเดอร์มากเกินไป

ในการเทรดฟอเร็กซ์ หนึ่งในข้อห้ามสำคัญคือไม่ควรเฝ้าดูออเดอร์การเทรดตลอดเวลาและพยายามปรับแต่งออเดอร์ตลอดเวลา บางครั้ง คุณอาจรู้สึกว่าจำเป็นต้องนั่งอยู่ที่โต๊ะคอมพิวเตอร์และเฝ้าดูออเดอร์การเทรด เมื่อมีกำไรก็ควรปิดออเดอร์ออกมาและหากขาดทุนก็ควรขยาย stop loss คุณคิดว่าเป็นเหมือน "คุณแม่" ที่คอยดูแลบัญชีของคุณ แต่ในทางจริง คุณกลับกลายเป็น "ศัลยแพทย์" ที่ใช้มีดผ่าตัดทำลายออเดอร์ของคุณ ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดทุนอย่างรุนแรงได้ หากนักเทรดปรับเปลี่ยนระดับหยุดขาดทุนหรือเคลื่อนที่หยุดขาดทุนไปเรื่อย ๆ นั่นหมายความว่าแผนการเทรดเดิมก็ถูกละเมิดไปโดยไม่รู้ตัว ผลลัพธ์มักจะเป็นไปในทางที่ไม่ดี อย่าไปเฝ้าคอยบัญชีการเทรดของคุณทุกการผันผวนจะส่งผลต่ออารมณ์ของคุณ ทำให้จิตใจของคุณเริ่มสับสนเรื่อย ๆ สุดท้ายอาจจะกลายเป็นการเทรดที่ไม่มีแผนที่ชัดเจน ราคานั้นมีการเคลื่อนไหวไปตามแนวโน้มมากกว่าจะเดินทางในเส้นตรง ดังนั้นจึงไม่ควรกังวลกับมันมากเกินไป เมื่อคุณตั้งค่าออเดอร์แล้วอย่าทำการปรับปรุงมันอีก คุณควรใช้กลยุทธ์ "ผ่อนคลายหลังการตั้งค่า" ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่ดี คุณควรจากไปจากคอมพิวเตอร์และกลับมาดูออเดอร์ในวันถัดไป วิธี "ผ่อนคลายหลังการตั้งค่า" นี้ไม่เพียงช่วยสร้างกำไรให้คุณ แต่ยังสามารถช่วยให้จิตใจของคุณสงบได้ นักเทรดที่ดีจำนวนมากก็ใช้วิธีนี้ได้ คุณสามารถเลือกช่วงเวลาดีๆในวันนั้นเพื่อเช็คบัญชี อย่างเช่นในช่วงเวลาปิดการซื้อขายของนิวยอร์กแล้วเลยไปทำกิจกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น ดูแลลูกหรือศึกษาหาความรู้ เป็นต้น วิธีนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการเทรดที่เร่งรีบและไม่มีเหตุผลได้