1. เตรียมตัวมากหรือน้อย? ดูสถานการณ์ 5 นาที

เตรียมความพร้อมทั้งในด้านการเปิดสถานะขายและสถานะซื้อ ดูสถานการณ์ในช่วง 5 นาทีเพื่อประเมินทิศทางของตลาด

2. การเลือกจุดเข้าทำการ

ต้องรอคอยอย่างใจเย็นจนกว่าจะได้จุดเข้าทำการที่น่าประหลาดใจจากตลาด และตรวจสอบการเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่เหมาะสม

3. รอให้ถึงจุดออก

บนพื้นฐานของการทำกำไร ให้รอจนกว่าจะถึงจุดออก และรอให้ตลาดแสดงเป้าหมายผลกำไรที่เฉพาะเจาะจง

4. สถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง

หากสถานการณ์ไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง จำเป็นต้องปิดสถานะและหยุดขาดทุน

5. การมุ่งหวังความแม่นยำในคำสั่ง

ควรมุ่งหวังความแม่นยำในการทำการสั่งซื้อให้มากกว่า 80% เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะไม่ใช่ตลาดทรงเดียวหรือตลาดกลับตัว

6. ทำการสั่งซื้ออย่างเป็นกลไก

ทำให้มากก็จะทำกำไรได้มาก ทำให้น้อยก็จะได้กำไรน้อยหรือไม่มีกำไร การไม่ทำคือการขาดทุน

สุดท้าย:

คำสั่งที่ทำกำไรทั้งหมดคือถูกต้อง ขณะที่คำสั่งที่ขาดทุนคือผิด ความผิดพลาดและความถูกต้องนั้นเป็นสิ่งที่ต้องมาพร้อมกัน หากสามารถคาดการณ์อนาคตได้ การซื้อขายจะเป็นสิ่งที่ทุกคนทำได้ แต่อย่างไร? ให้ใส่ใจกับจุดที่ใกล้จะถึงอนาคตมากที่สุด: ขณะนี้!

อีกครั้ง:

ไม่มีการแบ่งประเภทการลงทุนให้ดีระยะกลางหรือระยะสั้น เพราะว่าการลงทุนระยะกลางจะพัฒนามาจากการลงทุนระยะสั้นที่ดี

1. รอคอยโอกาสในกรอบสีดำให้ปรากฏ

โอกาสจะเกิดขึ้นเมื่อคุณรอคอย โอกาสที่มาพร้อมจะทำให้คุณรู้สึกประหลาดใจ นี่คือเกณฑ์การตัดสินโอกาส

2. สอยซื้อในพื้นที่กรอบสีดำ

เมื่อราคาตกลงไป ทำการซื้อและรอจนถึงระดับที่สูงขึ้นแล้วออกไป

3. ในกรอบสีเขียว

เมื่อราคาตกลงไปให้ทำการซื้อ หากขาดทุนให้หยุดซื้อขายและรอโอกาสครั้งถัดไป

กระบวนการง่ายๆ สามขั้นตอนนี้

คุณต้องดูเพียงแค่ 5 นาทีหรือ 1 นาที ในขณะที่กรอบสีเขียวยังไม่เกิดขึ้น อย่าลืมให้การวิเคราะห์สถานการณ์ก่อนหน้านี้ว่าต้องซื้อ ดังนั้นสถานะนี้จะต้องขาดทุน แต่มันยังคงต้องทำอยู่ ขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งที่จำเป็นของการซื้อขาย แต่หลังจากขาดทุนแล้ว ต้องอดทนรอโอกาสใหม่

1. รูปแบบ K Line, เส้นเฉลี่ย, ช่วงการเคลื่อนไหว

ส่วนนี้จะประกอบไปด้วยการเปรียบเทียบอำนาจระหว่างการซื้อและการขายในวันนั้น

2. การลุ้นจุดสูงต่ำ

จุดที่ซื้อตอนที่ตลาดเกินซื้อมักจะเป็นจุดเข้าซื้อที่น่าแปลกใจ แต่ควรรอให้ตลาดสร้างทิศทางก่อนการเข้าซื้อที่มั่นใจ

3. จุดออก

จุดออกควรพิจารณาจากช่วงการเคลื่อนไหวและแนวโน้มในวันนั้น หลักการก็คือ ตลาดจะทำตามความเคลื่อนไหวล่าสุดและดำเนินการต่อไป อย่าละโมบ หากถึงจุดแล้วให้ตัดสินใจออกจากตลาด โดยทั่วไปควรจะมากกว่า 10 จุด

ลองนึกภาพดูว่า ในระหว่างวันที่มีการเปลี่ยนแปลง ราคาจะถูกโจมตีจากฝั่งซื้อและฝั่งขาย ดังนั้นเมื่อใดที่จะเข้าซื้อ? แน่นอนเมื่อฝั่งซื้อโจมตีแต่ไม่มีแรงแล้วจึงขายลง และเมื่อฝั่งขายโจมตีแต่ขาดแรงแล้วซื้อเข้า และต่อจากนั้นรอสงครามเหนือกระแสการลงทุนครั้งใหม่ที่จะเกิดขึ้น